เมนู

ถาม-ตอบ

การเช่าเต็นท์

เต็นท์ที่ให้เช่าสะอาดหรือไม่?
เต็นท์ทุกหลังและอุปกรณ์ทุกชิ้นของเราที่มีการเช่าออกไป เมื่อถูกส่งมอบกลับมาจะได้รับการล้าง ทำความสะอาดเป็นอย่างดีทุกชิ้น โดยเฉพาะเต็นท์จะถูกล้างและผึ่งแห้งในห้องที่มีการฉายแสง UV เพื่อฆ่าเชื้อโรคต่างๆ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าเต็นท์ทุกหลังของ Outdoors Rental สะอาดและปรากศจากเชื้อโรคใดๆ
มีอุปกรณ์อะไรให้เช่าบ้าง?
เรามีอุปกรณ์พื้นฐานทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับผู้สนใจออกแค้มป์ ไม่ว่าจะเป็น เต็นท์ ทาร์ป (Tarp) แผ่นรองนอน โต๊ะ เก้าอี้ เครื่องครัว และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ครบสำหรับการออกทริปกางเต็นท์
ค่าเช่าเท่าไหร่?
ค่าเช่าอุปกรณ์จะขึ้นอยู่กับชนิดและยี่ห้อว่าเป็นของแบรนด์อะไร เรามีอุปกรณ์ให้เลือกตั้งแต่ราคาเบาๆแต่คุณภาพดีเยี่ยม จนถึงแบรนด์ Premium ที่เป็นที่ใฝ่ฝันของนักกางเต็นท์ในราคาค่าเช่าที่แสนจะคุ้มค่า อัตราค่าเช่าจะเริ่มต้นที่ 3 วัน และบวกเพิ่มให้ฟรีอีก 2 วันสำหรับวันเดินทางของคุณ รายละเอียดสามารถดูเพิ่มเติมได้ที่นี่
สอนวิธีกางเต็นท์ให้หรือไม่?
เต็นท์ทุกรุ่นที่มีให้เช่า ทางเราได้ทำคลิปวิดีโอสอนวิธีการกาง วิธีการเก็บ รวมถึงรายละเอียดต่างๆของตัวเต็นท์แต่ละรุ่นเอาไว้ ลูกค้าสามารถเข้าไปดูได้ทาง YouTube Channel: Outdoors Rental Shop หรือ www.outdoorsrental.com อย่างไรก็ตามในวันที่ลูกค้ามารับเต็นท์ พนักงานจะส่งลิ๊งค์วิธีการกางของรุ่นที่ลูกค้าเช่าให้ทาง Line ของลูกค้าอีกครั้ง
ถ้าเช่าอุปกรณ์ไปแล้วต้องการขยายเวลาเช่าไปอีกต้องทำอย่างไร?
ลูกค้าสามารถติดต่อ แจ้งพนักงานได้ที่เบอร์ 094-904 9669 Line: @outdoorsrental และค่อยชำระค่าเช่าเพิ่มในวันที่นำอุปกรณ์กลับมาส่งมอบคืน (ในกรณีอุปกรณ์มีคิวลูกค้าเช่าต่อจะไม่สามารถขยายเวลาการเช่าได้)
ถ้าไม่มีบัตรเครดิตจะเช่าได้หรือเปล่า?
ได้ ลูกค้าสามารถชำระค่าเช่าและวางเงินประกันเป็นเงินสดหรือเงินโอนได้
ถ้าอุปกรณ์ที่เช่าหาย หรือ เสียหายจะถูกปรับเท่าไหร่?
ในการเช่าอุปกรณ์ทุกชิ้น บริษัทจะกำหนดเงินประกันและมูลค่าความเสียหายของอุปกรณ์แต่ละอย่างไว้ กรณีลูกค้าทำอุปกรณ์บางชิ้นหาย หรืออุปกรณ์มีความเสียหายจากการใช้งานทางบริษัทจะหักค่าความเสียหายจากเงินประกันที่ลูกค้าได้วางไว้ ถ้ามูลค่าความเสียหายมากกว่าเงินประกัน ลูกค้าจะต้องรับผิดชอบจ่ายส่วนต่างซึ่งมีระบุไว้อยู่ในสัญญาการเช่า
ถ้าน้ำซึมเข้าเต็นท์หรือรั่วเวลาฝนตก ต้องทำยังไง และทางร้านจะรับผิดชอบอย่างไรบ้าง?
เต็นท์ทุกหลังจะผ่านการตรวจเช็คหลายรอบก่อนจะนำออกมาให้ลูกค้าเช่า ไม่ว่าจะตอนที่ลูกค้าท่านอื่นนำกลับมาคืน ตอนล้าง ตอนตากแห้ง และตอนที่ทำการพับเก็บ ทุกขั้นตอนจะมีการตรวจเช็คสภาพเพื่อให้มั่นใจว่าเต็นท์ที่ลูกค้าจะได้รับไปจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์100% อย่างไรก็ตามจุดรั่วอาจจะเล็กมากจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และเมื่อได้สัมผัสกับน้ำและสภาพลมฝน ณ ตอนที่นำไปกางจริง น้ำจึงอาจซึมหยดเข้ามาภายในเต็นท์ได้ เมื่อเกิดเหตุสุดวิสัยเช่นนี้ ทางบริษัทจะไม่คิดค่าเช่าเต็นท์หลังนั้น โดยจะทำการคืนเงินให้ลูกค้าในวันที่นำเต็นท์กลับมาส่งมอบคืน (อย่างไรก็ตามค่าเช่าอุปกรณ์อื่นๆจะยังคงคิดตามราคาค่าเช่าปกติ) ทั้งนี้เพื่อยืนยันจุดรั่ว ลูกค้าจะต้องถ่ายคลิปVDO ให้เห็นถึงลักษณะการรั่วซึมที่ชัดเจน (ต้องถ่ายเป็นคลิป VDO เท่านั้น) และจะต้องเป็นการกางเต็นท์ในพื้นที่ปกติที่ไม่ได้เสี่ยงต่อการเกิดเหตุจากน้ำตามที่ได้มีหนังสือแนะนำและคำเตือนเอาไว้
หยดน้ำในเต็นท์ไม่ใช่เต็นท์รั่ว! Condensation (การกลั่นตัวของไอน้ำ)
เต็นท์ทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นรูปทรงไหน ผ้าชนิดไหน ก็สามารถพบเจอปัญหาของหยดน้ำภายในเต็นท์ได้ ในเวลาที่เรานอนความร้อนจากร่างกายเราทำให้อุณหภูมิภายในเต็นท์สูงขึ้น และในขณะเดียวกันอุณหภูมิภายนอกเต็นท์ก็ลดต่ำลงในเวลากลางคืน อีกทั้งในตอนเช้าน้ำค้างจากต้นไม้ หรือในวันที่ฝนตกความชื้นในอากาศมีมากขึ้น จึงทำให้เกิดหยดน้ำหรือทำให้ภายในของตัวเต็นท์เปียกได้ ลักษณะจะเหมือนหยดน้ำที่เกาะอยู่บนแก้วน้ำเย็นหรือกระจกรถยนต์ในเวลาที่อุณหภูมิภายในและภายนอกไม่เท่ากัน
วิธีลดการเกิด Condensation ภายในเต็นท์
เปิดหน้าต่างให้มากขึ้น เพื่อให้อากาศจากภายนอกถ่ายเทเข้ามาภายในเต็นท์สะดวกขึ้น ซึ่งจะทำให้อากาศระหว่างภายในและภายนอกไม่ต่างกันมากจนเกินไป กางเต็นท์ใต้ Tarp หรือ ผ้าใบกางกันแดดกันฝน นอกจากจะช่วยให้น้ำค้างมาเกาะที่ตัวเต็นท์น้อยลงแล้วยังช่วยป้องกันยางไม้ กิ่งไม้ และลดความร้อนจากแสงแดดในเวลากลางวันได้อีกด้วย

การกำจัดเชื้อรา

กำจัดเชื้อราแล้วสารกันน้ำที่มีอยู่เดิมจะหายไปหรือไม่?
หายไป แต่ก็จะขึ้นอยู่กับชนิดผ้าและคุณภาพของสารกันน้ำที่มีอยู่เดิมด้วย เนื่องจากการกำจัดเชื้อราจำเป็นต้องใช้น้ำยาไปกัดทำลายเชื้อราที่อยู่ในเนื้อผ้า ซึ่งมีผลต่อสารกันน้ำที่เคลือบอยู่บนผ้าด้วย ถ้าของเดิมสารกันน้ำมีการเสื่อมคุณภาพไปแล้ว(สารกันน้ำที่อยู่บนเต็นท์ทุกชนิดจะเสื่อมคุณภาพไปเรื่อยๆตามอายุการใช้งาน) เมื่อกำจัดเชื้อราแล้วสารกันน้ำก็จะไม่เหลืออยู่ แต่ถ้าสารกันน้ำเดิมยังมีคุณภาพที่ดีมาก (เช่นเต็นท์ที่ใหม่แกะกล่องนำไปกางทิ้งไว้ 1-2 เดือนแล้วราขึ้น) เมื่อกำจัดเชื้อราแล้วสารกันน้ำจะยังคงมีเหลืออยู่ แต่จะไม่เต็มประสิทธิภาพเท่าเดิม ดังนั้นทางร้านจึงแนะนำให้เคลือบสารกันน้ำระบบ DWR ทุกครั้งที่มีการกำจัดเชื้อราเพื่อให้เต็นท์กลับมามีคุณสมบัติสะท้อนน้ำเหมือนได้เต็นท์หลังใหม่กลับไป
การกำจัดเชื้อราทำลายเนื้อผ้าหรือไม่?
มีบ้างแต่น้อยมาก ด้วยคุณสมบัติของน้ำยาที่เราใช้ รวมถึงขั้นตอนและการควบคุมระยะเวลาในการทำงาน เส้นใยของผ้าจะถูกทำลายน้อยมาก เมื่อกำจัดเชื้อราเสร็จแล้วลูกค้าอาจจะดูไม่รู้เลยว่าเต็นท์ได้ผ่านการกำจัดเชื้อรามาแล้ว
กำจัดเชื้อราได้ทั้งหมด 100% หรือไม่?
ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ได้เกิดเชื้อรามาและระดับการกัดกิน การทำลายของเชื้อราในเนื้อผ้า เชื้อราที่เป็นสีดำเข้มคือเชื้อราที่ได้กัดกินเนื้อผ้าในระดับลึก หลังการกำจัดเชื้อราอาจเห็นรอยของจุดที่เกิดเชื้อราชนิดนี้อยู่บ้าง 2-3% เนื่องจากทางร้านให้ความสำคัญต่อเส้นใยผ้าหลังการกำจัดเชื้อราด้วย หากใช้น้ำยาที่เข้มข้นเกินไปผ้าอาจจะเกิดการเปื่อยยุ่ยง่ายและอาจจะเห็นเป็นรอยด่างๆเป็นดวงๆสีไม่เท่ากัน
ทำไมพอกำจัดเชื้อราแล้วเมื่อเอาไฟส่องตอนที่เต็นท์เปียกน้ำจึงเห็นเป็นจุดๆดวงๆใสๆ?
จุดใสๆบนเนื้อผ้าที่เห็นเมื่อเต็นท์เปียกน้ำ คือจุดที่เชื้อราได้เคยเข้าไปกัดกินทำลายเนื้อผ้า เมื่อเรากำจัดเชื้อราออกไปจึงเห็นร่องรอยของจุดที่เชื้อราเคยอยู่ (จุดใสๆจะเห็นเฉพาะกรณีที่ราได้กัดกินแบบฝังลึก ถ้าเป็นเชื้อราที่เพิ่งเกิดยังอยู่บนชั้นผิวผ้าจะไม่เห็นจุดใสๆนี้)
เมื่อกำจัดเชื้อราไปแล้ว เต็นท์จะกลับมาขึ้นราได้อีกหรือไม่?
สามารถกลับมาเกิดเชื้อราได้อีก โดยเฉพาะถ้าเต็นท์ไม่ได้รับการเคลือบสารกันน้ำอีกรอบ เมื่อกำจัดเชื้อราแล้วสารกันน้ำจะหายไป การเคลือบกันน้ำจะช่วยชะลอการเกิดเชื้อราได้เป็นอย่างดี เพราะจะทำให้การทำความสะอาดทำได้โดยง่าย น้ำไม่เกาะ เต็นท์แห้งเร็ว และยังมีการรับประกันคุณภาพให้ 6 เดือน
เต็นท์ที่เป็นผ้า PU กำจัดเชื้อราแล้วมีผลต่อ Seam Seal(แถบกันน้ำตามรอยตะเข็บ) หรือไม่?
ไม่มี ยกเว้นกรณีที่ Seam Seal นั้นได้เสื่อมสภาพอยู่แล้ว

การเคลือบกันน้ำระบบ DWR

การเคลือบกันน้ำระบบ DWR ต่างจากการเคลือบกันน้ำแบบใช้สเปรย์พ่นอย่างไร?
การเคลือบกันน้ำระบบ DWR เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในสินค้าแบรนด์ดังๆระดับโลก เพราะเป็นการเคลือบในระดับเส้นใยผ้า มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และที่สำคัญเป็นระบบการเคลือบที่อนุญาตให้อากาศสามารถผ่านได้ ไม่เหมือนการเคลือบโดยใช้สเปรย์พ่นซึ่งจะอยู่บนชั้นผิวผ้าเท่านั้น อายุการใช้งานน้อยกว่ามาก และ บางชนิดหลังการพ่นจะปิดกั้นเนื้อผ้าจนอากาศไม่สามารถผ่านได้เลย
ผ้า PU สามารถเคลือบกันน้ำระบบ DWR ได้หรือไม่?
ได้แต่ไม่แนะนำ เนื่องจากผ้าpu มีเส้นใยผ้าที่ต่างจากเส้นใยของผ้า cotton ทำให้สารเคลือบไม่สามารถยึดติดได้แน่น อายุการใช้งานจะสั้น ทางร้านจึงไม่แนะนำให้เคลือบเพราะไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับผ้า cotton
เมื่อเคลือบสารกันน้ำแล้วจะกันน้ำได้เหมือนเต็นท์ใหม่ 100% เลยหรือไม่?
ได้ประมาณ70%-80% เนื่องจากระบบการเคลือบของเต็นท์ใหม่จะทำในระดับโรงงาน ผ้าของเต็นท์จะถูกเคลือบตั้งแต่ยังเป็นม้วนผ้าอยู่ เมื่อเคลือบเสร็จแล้วจึงนำมาตัดเย็บเป็นเต็นท์ การแช่น้ำยาและการอบน้ำยาจึงทำได้อย่างมีมาตรฐานสูงสุด แต่การเคลือบซ้ำในเต็นท์ที่เป็นหลังแล้วไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ แม้ขบวนการทุกอย่างจะเหมือนกันแต่คุณภาพจะได้อยู่ที่ 70-80% เท่านั้น ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปตามปกติ
สารกันน้ำจำเป็นต้องเคลือบซ้ำบ่อยๆหรือไม่?
ไม่จำเป็น ในการใช้งานตามปกติ กางและเก็บให้แห้งสนิม ทำความสะอาดโดยใช้เฉพาะน้ำเปล่าเท่านั้น สารกันน้ำจะคงอยู่ได้อย่างยาวนาน จากการทดสอบเต็นท์ที่ได้รับการเคลือบสารกันน้ำหลังผ่านการล้างทำความสะอาด 12 รอบสารกันน้ำก็ยังคงอยู่ เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพนานถึง 6 เดือน